เมื่อพูดถึงการเล่นรูเล็ต ผู้เล่นหลายคนมักมองหาระบบที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่ารูเล็ตเป็นเกมแห่งโอกาส และไม่มีระบบใดรับประกันว่าจะชนะทุกครั้ง
มีระบบรูเล็ตยอดนิยมหลายระบบที่ผู้เล่นใช้ เช่น ระบบ Martingale ระบบ Fibonacci และระบบ D'Alembert แต่ละระบบมีของตัวเอง กลยุทธ์รูเล็ต แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่จะตัดสินใจว่าแบบใดดีที่สุดสำหรับพวกเขา
ระบบมาร์ติงเกล
ระบบ Martingale เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมที่ผู้เล่นเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากการแพ้แต่ละครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อชดเชยการสูญเสียและทำกำไรเมื่อพวกเขาชนะในที่สุด แม้ว่าระบบนี้จะได้ผลในทางทฤษฎี แต่ต้องใช้แบ๊งค์จำนวนมากและมีความเสี่ยงเสมอที่จะถึงขีดจำกัดของโต๊ะหรือแพ้หลายครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้เกิดการสูญเสียจำนวนมาก
ระบบฟีโบนัชชี
ระบบฟีโบนัชชีอยู่บนพื้นฐานของลำดับฟีโบนัชชี โดยที่แต่ละหมายเลขคือผลรวมของสองตัวก่อนหน้า ในรูเล็ต ผู้เล่นวางเดิมพันผลรวมของการเดิมพันสองครั้งก่อนหน้านี้หลังจากแพ้ และกลับไปที่เดิมพันเดิมหลังจากชนะ ระบบนี้ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าระบบ Martingale เนื่องจากไม่ต้องใช้แบ๊งค์มาก แต่ก็มีข้อจำกัดและอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้
ระบบดาล็องแบร์
ระบบ D'Alembert ขึ้นอยู่กับแนวคิดของการสร้างสมดุลระหว่างการชนะและการแพ้โดยการเพิ่มหรือลดการเดิมพันทีละหน่วยหลังจากการชนะหรือแพ้แต่ละครั้งตามลำดับ เป้าหมายคือเพื่อให้ได้จำนวนการชนะทั้งหมดที่เท่ากับจำนวนการแพ้ทั้งหมด แม้ว่าระบบนี้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าระบบ Martingale แต่ก็มีข้อจำกัดและอาจไม่มีประสิทธิภาพในระยะยาว
ตารางเปรียบเทียบระบบรูเล็ต
ตารางเปรียบเทียบระบบรูเล็ต
ระบบ | กลยุทธ์ | ระดับความเสี่ยง | รางวัลที่เป็นไปได้ |
---|---|---|---|
มาร์ตินเกล | เดิมพันสองเท่าหลังจากการแพ้แต่ละครั้ง | สูง | ปานกลางถึงสูง |
ฟีโบนัชชี | ผลรวมเดิมพันของการเดิมพันสองครั้งก่อนหน้าหลังจากแพ้ | ปานกลาง | น้อยถึงปานกลาง |
ดาล็องแบร์ | เพิ่ม/ลดเดิมพันทีละหนึ่งหน่วยหลังจากชนะ/แพ้แต่ละครั้ง | ต่ำ | น้อยถึงปานกลาง |